วิดีโอการเผยแผ่ศาสนา

อัลนูร 4 – 5
อัลนูร 4 – 5

"النور 2-4" หรือซูเราะห์อันนูร โองการที่ 2-4 นี้ เป็นบทบัญญัติอันทรงความหมายยิ่งในศาสนาอิสลาม, กล่าวถึงผู้ที่กล่าวหาหญิงบริสุทธิ์ว่ากระทำผิด แต่ไม่สามารถนำพยานสี่คนมายืนยันได้จริง. พวกเขาเหล่านั้นต้องถูกลงโทษด้วยการโบยแปดสิบที และที่สำคัญ การเป็นพยานของพวกเขาจะไม่ถูกยอมรับอีกต่อไปตลอดกาล. บทบัญญัตินี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอิสลามในการปกป้องเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของบุคคลจากคำกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง. เพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมและความสงบสุขในสังคม เน้นย้ำถึงความสำคัญของหลักฐานอันหนักแน่นในการดำรงชีวิตร่วมกัน.

ยูซุฟ 47 49
ยูซุฟ 47 49

ในซูเราะห์ยูซุฟ อายะห์ที่ 47-49 อัลกุรอานได้เผยถึงภูมิปัญญาอันล้ำค่าของนบียูซุฟ (อ.ล.) ที่ทรงชี้นำผู้คนให้เตรียมพร้อมสำหรับอนาคตอันใกล้ โดยทรงสั่งให้เพาะปลูกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเจ็ดปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ และให้เก็บเกี่ยวผลผลิตส่วนใหญ่ไว้ในรวงของมันเอง เพื่อรักษามันให้คงสภาพที่ดีที่สุดและยาวนานที่สุด โดยบริโภคเพียงส่วนน้อยเท่าที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพ บทเรียนอันลึกซึ้งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาด และการเตรียมความพร้อมสำหรับภาวะที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและคุณค่าของการพึ่งพาอัลลอฮ์ในการดำเนินชีวิต

ฮูด 106 108
ฮูด 106 108

โองการจากซูเราะฮ์ฮูด อายะห์ที่ 106-108 นี้ ได้ฉายภาพอันชัดเจนถึงบทสรุปแห่งชะตากรรมของมนุษย์ในปรโลก โดยอายะห์ 106 กล่าวถึงผู้มีทุกข์ที่ต้องอยู่ในนรก ซึ่งพวกเขาจะพำนักพร้อมด้วยการถอนหายใจและการสะอื้นอันแสนเจ็บปวด อายะห์ 107 ย้ำถึงการคงอยู่ในนรกชั่วนิรันดร์ ตราบเท่าที่ชั้นฟ้าและแผ่นดินยืนยง เว้นแต่ที่พระประสงค์ของพระผู้อภิบาล ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งตามอำนาจอันเด็ดขาดของพระองค์ ทว่าอายะห์ 108 ได้เปิดเผยถึงชะตากรรมอันสุขสันต์ของผู้เป็นสุข ผู้ซึ่งจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์อันรื่นรมย์ พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาลเช่นกัน ตราบเท่าที่ชั้นฟ้าและแผ่นดินดำรงอยู่ เว้นแต่ที่พระเจ้าทรงประสงค์ ซึ่งเป็นการประทานอันมิรู้จบสิ้นและปราศจากการตัดทอน โองการอันลุ่มลึกเหล่านี้จึงเป็นข้อคิดเตือนใจอันทรงพลังถึงความสำคัญของการเลือกเส้นทางชีวิตในโลกดุนยา และผลตอบแทนอันเป็นนิรันดร์ในโลกอาคิเราะห์ที่อัลลอฮ์ทรงกำหนดไว้ เป็นภาพสะท้อนถึงพระเดชานุภาพและความยุติธรรมอันสมบูรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า

อัลอะห์กอฟ 29
อัลอะห์กอฟ 29

อายะห์ที่ 29 จากซูเราะห์อัล-อะห์กอฟนี้ เปิดเผยเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ใจ เมื่อกลุ่มญินจำนวนหนึ่งถูกส่งมาเพื่อรับฟังพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ทันทีที่ได้ยินเสียงอ่าน พวกเขาก็ต่างกล่าวเตือนกันและกันว่า 'จงนิ่งฟังซิ!' แสดงให้เห็นถึงความสำรวมและตั้งใจฟังอย่างลึกซึ้งต่อพระวจนะของอัลลอฮ์ เมื่อการอ่านจบลง หัวใจของพวกเขาเปี่ยมด้วยศรัทธาและความเข้าใจ พวกเขาไม่ได้เก็บความรู้นี้ไว้กับตัว แต่กลับไปยังกลุ่มชนของพวกเขา เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ตักเตือนและเผยแพร่สัจธรรมที่พวกเขาได้รับ อายะห์นี้ย้ำเตือนว่าสาส์นแห่งอิสลามนั้นครอบคลุมสรรพสิ่งและทุกสรรพชีวิต พลังและคุณค่าของอัลกุรอานนั้นยิ่งใหญ่จนสามารถดึงดูดแม้กระทั่งสิ่งเร้นลับอย่างญิน เป็นเครื่องเตือนใจให้เราในฐานะมนุษย์ จงเปิดใจรับฟังและปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ด้วยความเคารพเช่นกัน

อัลมุอ์มินูน 12 -14
อัลมุอ์มินูน 12 -14

ดำดิ่งสู่ความมหัศจรรย์แห่งการสร้างสรรค์ของอัลลอฮฺที่ได้ทรงเปิดเผยไว้ในซูเราะห์อัล-มุอ์มินูน โองการที่ 12-14 นี้ อัลลอฮฺได้ทรงสาบานไว้ว่า แท้จริงแล้ว มนุษย์นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากธาตุแท้ของดิน จากนั้น พระองค์ทรงทำให้เขากลายเป็นเชื้ออสุจิ ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ในที่พำนักอันมั่นคง นั่นคือครรภ์มารดา กระบวนการอันน่าทึ่งดำเนินต่อไป เมื่อเชื้ออสุจินั้นแปรเปลี่ยนเป็นก้อนเลือดขนาดเล็ก ก่อนที่ก้อนเลือดนั้นจะกลายเป็นก้อนเนื้อที่เริ่มมีรูปร่าง จากนั้น อัลลอฮฺก็ทรงทำให้ก้อนเนื้อนั้นก่อตัวเป็นกระดูกอันแข็งแกร่ง และทรงหุ้มกระดูกเหล่านั้นด้วยเนื้อที่ปกคลุมทั่วร่าง จุดสูงสุดของการสร้างสรรค์คือการที่พระองค์ทรงเป่าวิญญาณให้แก่เขา ทำให้เขากลายเป็นอีกรูปร่างหนึ่งที่สมบูรณ์ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจและปัญญาอันไร้ขีดจำกัดของผู้สร้าง ดังนั้น อัลลอฮฺทรงจำเริญยิ่ง ผู้ทรงเลิศแห่งปวงผู้สร้างทั้งมวล!

อัลบะเกาะเราะฮ์ 105
อัลบะเกาะเราะฮ์ 105

ในซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ โองการที่ 105 นี้ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงเปิดเผยถึงความรู้สึกที่ไม่พอใจของบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธา ไม่ว่าจะเป็นอะฮฺลุลกิตาบ (ชาวคัมภีร์) หรือมุชริก (ผู้ตั้งภาคี) ที่พวกเขาไม่ชอบที่จะให้ความดีงามหรือความโปรดปรานใด ๆ จากพระเจ้าของพวกเจ้าถูกประทานลงมายังพวกเจ้าเลยแม้แต่น้อย โองการนี้เผยให้เห็นถึงความอิจฉาริษยาและเจตนารมณ์ที่ไม่หวังดี แต่ในขณะเดียวกัน ก็ตอกย้ำอำนาจอันยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺอย่างชัดเจน ว่าพระองค์เท่านั้นที่ทรงเจาะจงความกรุณาและความเมตตาของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ดังนั้น ผู้ศรัทธาจึงควรวางใจและมั่นคงในพระองค์ เพราะอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้มีบุญคุณอันใหญ่หลวงต่อบ่าวของพระองค์เสมอ

تطوير midade.com

جمعية طريق الحرير للتواصل الحضاري