บทบัญญัติของการทำอุฎฮียะฮ์(กุรบาน)

สิทธิสตรีในศาสนาอิสลาม

สิทธิสตรีในศาสนาอิสลามคือประเด็นสำคัญที่มักถูกเข้าใจผิดและถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง
แท้จริงแล้วอิสลามได้มอบสิทธิอันเป็นรากฐานแก่สตรีมาตั้งแต่ 1,400 กว่าปีก่อน ซึ่งนับว่าก้าวหน้ามากในยุคนั้น
โดยเน้นย้ำถึงศักดิ์ศรี ความเท่าเทียมทางจิตวิญญาณ และส่งเสริมสิทธิในการศึกษาหาความรู้แก่ทั้งชายและหญิง
สตรีมีสิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทำการค้า ลงทุน และจัดการการเงินของตนเองได้อย่างอิสระ
รายได้ของสตรีถือเป็นของเธอเองโดยสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องมอบให้สามีหรือผู้ชายในครอบครัวดูแล
ในการแต่งงาน สตรีมีสิทธิเลือกคู่ครองและให้ความยินยอมได้อย่างเต็มใจ
รวมถึงได้รับสินสอดเป็นสิทธิเฉพาะตัวและมีสิทธิในการขอหย่าร้างภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
บทบาทของมารดาและภรรยาได้รับการยกย่องสูงสุดในครอบครัว แต่ก็ไม่จำกัดโอกาสในการมีส่วนร่วมทางสังคมและการพัฒนาชุมชน
แม้การปฏิบัติอาจแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมและความเข้าใจในแต่ละพื้นที่ แต่หลักการอิสลามมุ่งเน้นการให้เกียรติและปกป้องสตรีเสมอ
จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะศึกษาและทำความเข้าใจจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อเห็นภาพที่สมบูรณ์และยุติธรรมยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสถานะของสตรีในอิสลาม

ซูเราะฮ์ฆอฟิร อายะฮ์ที่ 26

ความมห ศจรรย ในการปกป กร กษา

ดำดิ่งสู่ 'الإعجاز في الحفظ والصون' หรือความมหัศจรรย์แห่งการรักษาวิถีชีวิตอันสมดุลในอิสลาม! ข้อความนี้เผยให้เห็นแก่นแท้ของการให้ความสำคัญกับการสร้างครอบครัวและการแต่งงาน ซึ่งถือเป็นสุหนะ (แนวทางปฏิบัติ) อันยิ่งใหญ่ที่ศาสนทูตทุกท่านได้ยึดถือมา เมื่อครั้งที่เหล่าสหายบางท่านปรารถนาจะปลีกวิเวกเพื่อการอิบาดะห์ (นมัสการ) เพียงอย่างเดียว ท่านศาสดา มุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้ตรัสเตือนด้วยพระดำรัสอันทรงปัญญาว่า: "ส่วนฉันนั้น ฉันก็ถือศีลอดและละศีลอด ฉันก็ละหมาดและนอน และฉันก็แต่งงานกับสตรี ดังนั้น ผู้ใดที่หันหลังให้แก่สุหนะของฉัน ผู้นั้นก็มิใช่ส่วนหนึ่งจากฉัน" (บันทึกโดยบุคอรี) นี่คือบทเรียนอันลึกซึ้งที่เน้นย้ำถึงความสมดุลที่อัลลอฮ์ทรงประทานแก่ประชาชาติอิสลาม ซึ่งเป็นแนวทางที่คุ้มครองการใช้ชีวิตในโลกนี้และโลกหน้าให้มีความสุขอย่างแท้จริง