วิดีโอการเผยแผ่ศาสนา

ความเมตตาต่อสัตว์
ความเมตตาต่อสัตว์

ในอิสลาม, ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้สอนถึงความเมตตาอันลึกซึ้งต่อสัตว์ต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของหลักศรัทธาและจริยธรรมของท่าน ท่านได้เน้นย้ำอย่างชัดเจนว่า มนุษย์จะต้องปฏิบัติต่อสัตว์ด้วยความอ่อนโยน ไม่บังคับให้พวกมันทำงานหนักเกินกำลัง หรือเกินกว่าที่พวกมันจะรับไหว และห้ามกระทำการใดๆ ที่เป็นการทำร้าย หรือทารุณกรรมสัตว์โดยเด็ดขาด หลักคำสอนนี้ยังรวมไปถึงการลดความเจ็บปวดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้กระทั่งในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเชือดสัตว์เพื่อการบริโภค ก็จะต้องกระทำด้วยวิธีการที่เมตตาและรวดเร็วที่สุด เพื่อลดความทุกข์ทรมานของสัตว์ นี่คือบทเรียนอันทรงคุณค่าที่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ที่อิสลามมีต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด สะท้อนให้เห็นถึงความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า อันเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตสำหรับทุกคน

ความเมตตาของท่านต่อเด็กๆ
ความเมตตาของท่านต่อเด็กๆ

เรื่องราวอันงดงามที่สะท้อนถึงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ต่อเด็กๆ คือเรื่องราวขณะที่ท่านกำลังทำการละหมาด ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของศาสนาอิสลามที่ต้องปฏิบัติด้วยความสงบสำรวมและปราศจากการเคลื่อนไหวหรือการพูดคุยที่ไม่จำเป็น แต่ท่านกลับอุ้มหลานสาวของท่าน คือ อุมามะฮ์ บินต์ ซัยนับ ไว้อย่างอ่อนโยน เมื่อท่านทำการรุกัวะอ์ (โค้งคำนับ) หรือสุญูด (กราบ) ท่านจะวางเธอลง และเมื่อท่านยืนขึ้น ท่านก็จะอุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้ง การกระทำนี้เป็นข้อพิสูจน์อันทรงพลังถึงความรัก ความเมตตา และความอ่อนโยนอันหาที่เปรียบมิได้ที่ท่านศาสดามีต่อเด็กๆ แม้ในขณะที่ปฏิบัติศาสนกิจอันศักดิ์สิทธิ์ ท่านยังคงแสดงให้เห็นถึงหัวใจที่เปี่ยมด้วยความเห็นอกเห็นใจ นี่ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเล่า แต่เป็นบทเรียนอันล้ำค่าที่สอนให้เราเห็นถึงคุณค่าของการดูแลและให้ความรักแก่เด็กๆ ในทุกสถานการณ์ ตอกย้ำให้เห็นว่าความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจเป็นแก่นแท้ของอิสลาม และท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) คือแบบอย่างที่ดีที่สุดของความเมตตาอันไร้ขอบเขต ซึ่งเรื่องราวนี้ถูกบันทึกไว้ในบันทึกของบุคอรี (หะดีษหมายเลข 494) ซึ่งเป็นแหล่งที่เชื่อถือได้ของคำสอนท่านศาสดา

อิสลามมีจุดยืน อย่างไรต่อศาสนทูตอีซา ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน
อิสลามมีจุดยืน อย่างไรต่อศาสนทูตอีซา ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน

ศาสนาอิสลามมีความเชื่อและมุมมองที่ลึกซึ้งต่อท่านศาสดาอีซา (พระเยซู) สันติภาพจงมีแด่ท่าน พระคัมภีร์อัลกุรอานยืนยันว่าท่านเป็นหนึ่งในศาสดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงมีเกียรติและตำแหน่งอันสูงส่งยิ่งในหมู่ศาสดาของพระเจ้า ส่วนพระมารดาของท่าน คือท่านหญิงมัรยัม (มาเรีย) เป็นสตรีผู้สัตย์จริง ซื่อสัตย์ภักดี และมุ่งมั่นในการทำความดีและอิบาดะฮ์ (การภักดีต่ออัลลอฮ์) อย่างแท้จริง ท่านหญิงมัรยัมเป็นผู้บริสุทธิ์จากมลทินทั้งปวง และได้ตั้งครรภ์ท่านศาสดาอีซาในปาฏิหาริย์ โดยปราศจากบิดาและมิได้มีปฏิสัมพันธ์กับชายใดเลย สิ่งนี้ตอกย้ำถึงสถานะพิเศษและความยิ่งใหญ่ของท่านศาสดาอีซาในหลักคำสอนอิสลาม เป็นเรื่องราวที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถและแผนการอันสมบูรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า

จุดยืนของอิสลามต่อศาสนทูตอีซา ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน
จุดยืนของอิสลามต่อศาสนทูตอีซา ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน

สำหรับชาวมุสลิมทั่วโลก ศาสดาอีซา (พระเยซู) ผู้เป็นที่รู้จักกันในประวัติศาสตร์ว่าเป็นบุคคลสำคัญ และผู้ที่ได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่แก่มนุษยชาติอย่างแท้จริง ในอิสลาม ท่านศาสดาอีซาได้รับการเคารพอย่างสูงในฐานะศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ ผู้ซึ่งเกิดอย่างปาฏิหาริย์จากพระแม่มารีย์ (มัรยัม) โดยปราศจากบิดา และได้รับปาฏิหาริย์มากมายจากพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศาสนกิจของท่าน คัมภีร์อัลกุรอานยืนยันถึงความบริสุทธิ์และสถานะอันสูงส่งของท่าน โดยถือว่าท่านเป็นศาสดาผู้รับใช้พระเจ้า ไม่ใช่พระเจ้าหรือบุตรของพระเจ้า ต่างจากมุมมองของบางกลุ่มที่อาจบูชาท่านเป็นเทพเจ้าหรือดูหมิ่นท่าน อิสลามยืนหยัดในความรักและความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อศาสดาอีซาเสมอมา และเฝ้ารอการกลับมาของท่าน

จุดยืนของอิสลามต่อบรรดาศาสนทูต
จุดยืนของอิสลามต่อบรรดาศาสนทูต

มุมมองของศาสนาอิสลามต่อบรรดาศาสดาและทูตสวรรค์ หลายท่านอาจเข้าใจผิดว่าคัมภีร์อัลกุรอานกล่าวถึงเพียงเรื่องราวของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศาสนาอิสลามให้ความเคารพและศรัทธาในบรรดาศาสดาและทูตสวรรค์ทุกท่านที่อัลลอฮ์ทรงส่งมายังโลก รวมถึงท่านศาสดาอีซา (พระเยซู) ซึ่งถูกกล่าวถึงอย่างชัดเจนและบ่อยครั้งในคัมภีร์อัลกุรอาน นอกจากนี้ ยังมีศาสดาสำคัญท่านอื่นๆ เช่น ศาสดามูซา (โมเสส) และศาสดาอิบรอฮีม (อับราฮัม) นี่คือหลักศรัทธาอันเป็นรากฐานที่แสดงถึงความต่อเนื่องของสารจากพระผู้เป็นเจ้า และเชิญชวนให้ทำความเข้าใจอิสลามในมุมมองที่กว้างขึ้น

ไม่มีนักบวชในอิสลาม
ไม่มีนักบวชในอิสลาม

ในศาสนาอิสลามไม่มีชนชั้นนักบวชหรือตำแหน่งปุโรหิตโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่แตกต่างจากหลายศาสนาอื่น ๆ โดยผู้ศรัทธาทุกคนมีความสัมพันธ์โดยตรงกับพระผู้เป็นเจ้า (อัลลอฮ์) ไม่จำเป็นต้องมีบุคคลใดมาเป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับพระองค์ สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความเสมอภาคอย่างสมบูรณ์ในหมู่มุสลิมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศ วัย หรือสถานะทางสังคมใดก็ตาม ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการปฏิบัติศาสนกิจของตน และการขอพรจากอัลลอฮ์ได้โดยไม่ต้องผ่านพิธีกรรมที่ซับซ้อน เป็นการส่งเสริมความเป็นอิสระทางจิตวิญญาณและความบริสุทธิ์ของหลักเตาฮีด (เอกเทวนิยม) ทำให้ศาสนาอิสลามเข้าถึงได้และเป็นอิสระสำหรับทุกคนในทุกชนชั้น

تطوير midade.com

جمعية طريق الحرير للتواصل الحضاري